Blog

4 วิธีสั้นๆ ที่จะช่วยดูแลกระเป๋าหนัง ให้อยู่กับเราไปนานๆ

ถ้าเปิด Google แล้ว Search คำว่า วิธีดูแลกระ…..

ยังไม่ทันพิมพ์จบประโยคคำว่าเป๋าหนังก็จะขึ้นมาให้เราโดยอัตโนมัติ นี่เองเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ความรู้เรื่องการดูแลกระเป๋าหนังเป็นอะไรที่ค้นหาได้ง่ายดายขนาดไหน

แต่พอหันกลับมาดูกระเป๋าหนังที่บ้าน เราจะดูแลรักษามันอย่างมากก็เพียงแค่การเก็บไว้ในชั้นที่มีตู้ปิดมิดชิดเท่านั้น ซึ่งถือเป็นวิธีที่ ‘ไม่เพียงพอ’ ต่อการที่จะรักษากระเป๋าหนังราคาหลายบาท ให้สามารถอยู่กับเราไปนานๆ ได้

Mo.Studio จึงอยากจะหยิบเรื่องเก่า มาเล่าใหม่อีกครั้ง กับ ‘4 วิธีสั้นๆ ที่จะช่วยดูแลกระเป๋าหนังให้อยู่กับเราไปนานๆ’

ซึ่งเป็นวิธีที่คุณสามารถทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์อะไรมากมาย ขอเพียงแค่มีเวลา กับความใส่ใจทีจะทำมันอย่างสม่าเสมอก็เพียงพอ : )

1.ใช้เสร็จรีบเอามาเช็ด ทำความสะอาด : เมื่อกลับถึงบ้าน ให้รีบเอาผ้าสะอาดมาจุ่มกับน้ำอุณหภูมิห้อง แล้วบิดให้หมาดๆ จากนั้น ก็ค่อยๆ เช็ดเอาฝุ่น เอาคราบเปื้อนที่ติดอยู่ออกไปให้หมด

2.ไม่มีอุปกรณ์ทำความสะอาดหนังก็ไม่เป็นไร ของในครัวก็ใช้ได้เหมือนกัน : หลังจากเช็ด สิ่งสกปรกในเบื้องต้นจนหมดไปแล้ว ทีนี้ก็มาถึงขั้น ตอนการใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดกระเป๋าหนัง ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายหนังทั่วไป โดยมันมักจะมาแบบเป็นเซ็ต ที่มีทั้งตัวน้ำยาและผ้าเนื้อละเอียดมาให้พร้อม

แต่ถ้าใครหาซื้อไม่ได้จริงๆ ก็สามารถเอาสบู่อ่อนผสมกับน้ำเปล่าในสัดส่วน 1/8 มาทำความสะอาดที่ตัวกระเป๋าได้เหมือนกัน ด้วยการเช็ดไปในทิศทางเดียวกันเท่านั้นเอง

3.เช็ดให้แห้ง : ตรงนี้คงจะไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม เพราะเช็ดให้แห้ง ก็คือเช็ดให้แห้งนั่นแหละ! (เค้าไม่ได้กวนจริงๆ นะ)

4.ทา Moisturizer ให้กับกระเป๋า : ผิวของคนยังต้องการความชุ่มชื้น ผิวของหนังก็เหมือนกัน เมื่อเช็ดหนังจนแห้งแล้ว ก็ให้นำผ้าที่มีความนิ่ม ไปชุบกับน้ำยาขัดเครื่องหนังในปริมาณแค่ปลายนิ้ว เพื่อให้หนังดูมีความชุ่มชื้น มันเงา แถมยังเป็นตัวช่วยป้องกันที่ทำให้หนังเป็นรอยและเสื่อมสภาพได้ยากมากขึ้น

ตกลงแล้วนี่หนังกระเป๋า หรือหนังคนกันแน่เนี่ย !

-TRICK-

1.เมื่อทำความสะอาดเสร็จ ไม่ควรจะเก็บกระเป๋าหนังเอาไว้ในที่ ๆ มีความชื้นมากๆ

2.ดูแลเอาใจใส่มันมาก ๆ เพราะถึงจะมีทริกดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่ใส่ใจ ใช้เสร็จแล้ววางกอง จากที่จะใช้ได้เป็นสิบๆ ทีนี้ปี-สองปี ก็อาจจะเสื่อมสภาพแล้วก็ได้

และสาหรับคนที่ซื้อ Doctor Mo. มาแต่ไม่รู้จะทำความสะอาดยังไง ก็สามารถหยิบเอา 4 วิธีที่บอกไป มาใช้ได้เช่นกัน เพราะกระเป๋า Doctor Mo. ผลิตมาจากหนังวัวแท้นำเข้า มีคุณสมบัติในการดูแลง่ายกว่าหนังประเภทอื่น ๆ

และไม่ใช่แค่ดูแลง่าย แต่ Doctor Mo. ก็ใช้ง่ายเหมือนกันค่ะ : )

เบื้องหลังของ Doctor Mo. ความเรียบง่าย ที่ไม่ได้มาง่าย ๆ อย่างที่คิด

ก่อนจะเอา Doctor Mo. ออกมาวางขาย รสก็แอบคิดอยู่เหมือนกัน ว่าจะมีคนยอมจ่ายเงินหลักพันเพื่อแลกกับกระเป๋าเรียบๆ ที่ไม่มีลวดลายอะไรเลยหรือเปล่า

แต่ Feedback ที่ได้กลับมา มันดีกว่าที่คิดไว้เยอะมาก ยอดสั่งจอง Doctor Mo. รอบ Early Bird เต็มภายในสองวัน และยังมีคนเห็นคุณค่าในสิ่งที่รสทำ เพราะตอนแรกคิดว่าที่ยอดสั่งจองเต็มเร็วกว่าที่คาดไว้เป็นเพราะลดราคาแน่ๆ แต่พอกลับมาขายราคาปกติก็ยังมีคนมาติดต่อขอซื้ออยู่ทุกวัน

ขอบคุณมากเลยนะคะ : )

คนรอบตัวหลายๆ คนก็เลยบอกว่า รสโชคดีจัง แค่ทำกระเป๋าเรียบๆ ไม่ต้องออกแบบลวดลายอะไรให้วุ่นวาย แต่ก็ยังขายได้อยู่เรื่อย ๆ

รสอยากจะบอกว่า เบื้องหลังของความเรียบง่ายที่ทุกคนได้เห็นกันนี้ มันเป็นอะไรที่ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดกันเลยค่ะ

เพราะรสใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่นานในการปรับหนัง, ปรับวัสดุ, ปรับดีไซน์ กว่าจะมั่นใจว่าคุณภาพของมันอยู่ในระดับที่สามารถเอาออกมาขายได้ ก็กินเวลาไปกว่าครึ่งปี

หลังจากที่ทำ Crowdfunding ระดมทุน 800,000 บาท เพื่อเอาเงินมาทำกระเป๋าตังค์ Mo.80 ในตอนแรกได้ครบตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ระหว่างนั้นรสก็เกิดไอเดียอยากจะเพิ่มไลน์สินค้า จนกระทั่งได้บังเอิญไปเจอกับกระเป๋าทรง Doctor Bag ที่สถาบันสอนทำกระเป๋าหนังของชาวญี่ปุ่นที่รสเรียนอยู่

รสเห็นว่ากระเป๋าทรง Doctor Bag มันโดดเด่นมากในเรื่องของ Functional เพราะ Doctor Bag เป็นทรงกระเป๋าที่ถูกผลิตมาเพื่อการใช้งานที่ง่าย ทำให้คุณหมอหยิบอุปกรณ์ขึ้นมารักษาคนไข้ได้อย่างทันท่วงที แถมยังมีดีไซน์ที่คลาสสิค จนเป็นกระเป๋าที่กลายเป็น Iconic ในยุค 90’

แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือ Doctor Bag ถูกทำมาจากวัสดุอย่าง ‘หนังฟอกฝาด’ ซึ่งนอกจากจะทำให้น้ำหนักของกระเป๋าเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นแล้ว ความรู้สึกในการใช้งานก็เป็นอะไรที่ดูแข็งกระด้างตามไปด้วย

เพราะถึง Doctor Bag จะมีคุณสมบัติในการใช้งานที่ดี แต่สินค้าแฟชั่นจะเป็นอะไรที่มีแต่เรื่องของ Functional ไม่ได้ รสเลยใส่ Emotional เข้าไป ด้วยการหาวัสดุอื่นมาใช้แทนหนังฟอกฝาด

ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ ทิ้งของไปหลายสิบรอบ จนกระทั่งได้มาเจอกับวัสดุอย่าง ‘หนังวัวนิ่ม’ ซึ่งรสว่าเนี่ยแหละ คือความลงตัวของ Functional และ Emotional

เพราะในด้าน Funtional หนังวัวนิ่มจะทำให้กระเป๋าดูเป็นทรง ไม่แข็งจนเกินไป เหมาะกับการหยิบจับหรือหาของข้างในที่ทำได้ง่ายขึ้น

ส่วนในด้านของ Emotional เมื่อใช้ไปนานๆ Texture ของหนังวัวนิ่มก็นุ่มและมีสัมผัสดีขึ้นเรื่อย ๆ แถมลวดลายของหนังก็จะค่อยๆ สวยขึ้นตามธรรมชาติ เหมือนกับยีนส์คุณภาพดี ที่ยิ่งใช้เยอะเท่าไหร่ เฟดของยีนส์ก็จะสวยมากขึ้นเท่านั้น

ได้แบบกระเป๋าตามที่ต้องการแล้วก็ไม่ใช่ว่าเรื่องจะจบ เพราะกว่าจะหา Supplier ที่ผลิตกระเป๋าจำนวนหลาย ๆ ใบแต่ทำให้มีคุณภาพเหมือนกับตัว Prototype ทุกใบก็ไม่ใช่เรื่องง่าย รสต้องเปลี่ยน Supplier ไปกว่า 3-4 เจ้า จนกระทั่งได้มาเจอกับเจ้าปัจจุบัน ที่แม้จะผลิตได้ตามคุณภาพตามที่ต้องการทุกอย่าง

แต่ก็ต้องแลกมาด้วยต้นทุนที่แพงกว่า Supplier เจ้าอื่นๆ หลายเท่าตัว #กระอักเลือด

เพราะผลลัพธ์ที่เรียบง่าย มันไม่ได้มาง่ายๆ แบบที่หลายคนคิด

และความหมายที่ซ่อนอยู่ใน Doctor Mo. ก็คือความตั้งใจ,ความใส่ใจ ที่อยากจะส่งความเรียบง่ายแบบ Tailor-Made จากใจของรส <3 ให้กับทุกคนจริงๆ ค่ะ : )

 

How to travel light?

You can’t bring clothes for every possible situation. You should only bring what you wear on the average day.

For the rest, buy or borrow what you need depending on local prices and your budget. Most of your “what if” scenarios will never happen. Don’t carry around extra physical and mental baggage “just in case.”

“#2: Pack for One Week”. If you’re traveling for two weeks, or a month, or a year, or permanently, break your packing list down into a more manageable chunk: one week.

If you’re traveling for longer than a week or two , you will need to do laundry. Pack accordingly.

On short trips, hand wash your basics like socks, t-shirts, and underwear in the sink between laundry cycles.

For longer trips, use a cheap wash-and-fold service or local laundromat.

“#3: Pack Layers, Not Bulk”Packing multiple thin layers takes up less space and offers more flexibility than packing bulky items like sweaters and coats.

merino wool base layer will keep you warm and can easily be combined with other items or taken off as the weather changes.

If traveling in very cold, wintry weather, wear an ultralight down jacket fleece jacket. Most importantly, don’t pack your jacket. Wear it if your whole trip will be cold. Otherwise, pick up a cheap jacket as the weather changes. Then sell or donate it when you’re done.

“#4: If It’s Bulky, Wear it”
If you need something bulky, like boots or a winter-weight coat, wear it. Don’t pack it.

Most trips require two pairs of shoes. Let’s say you need a pair of sneakers for walking and a pair of flats for going out.

Wear the sneakers, pack the flats.[/lab_heading]

“#5: Simplify Your Color Palette” Pick a simple color palette and only pack clothes that fit that palette. I wear blues and grays.

By sticking to a simple color palette, you can maximize the number of outfits for the clothes that you’re bringing. Everything should match. Anything can be worn with anything else.

Bring pieces, not complete outfits, to maximize the number of looks that your travel wardrobe can yield.