จากสาว Graphic Designer ของบริษัทเอเจนซี่โฆษณาที่ผันตัวมาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อพรีเมี่ยมเป็นของตัวเองย่านเพลินจิต จนธุรกิจเติบโตและสามารถขยายสาขาไปยังแถวสาทรได้
ฟังดูเผินๆ เหมือนจะเป็นชีวิตที่ใครหลายคนต่างอิจฉา แต่จะมีสักกี่คนกันที่รู้ว่า กว่าเธอจะมาอยู่ที่จุดนี้ได้ เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้วเธอประสบอุบัติเหตุถูกไฟคลอกมากถึง 40% เปอร์เซ็นต์ของร่างกาย
ฟังจากตัวเลขแล้วอาจจะยังจินตนาการกันไม่ออกว่าหนักขนาดไหน
ก็หนักขนาดที่ทำให้เธอต้องนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลลนานถึง 6 เดือนครึ่ง และแม้ครอบครัวจะคอยมาให้กำลังใจกันบ่อยขนาดไหน แต่ก็ทำได้เพียงแค่เยี่ยมผ่านกระจกเท่านั้น ไม่สามารถแตะตัวหรือเข้าใกล้ได้ เพราะอาจจะทำให้เธอเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค
ซึ่งนี่คือเรื่องจริงของ คุณพลอย สมิตดา หงสกุล เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวพรีเมี่ยมอย่าง ‘วัวนู้ด’ และจากที่พูดมาก็คงจะไม่ต้องอธิบายเหตุผลเพิ่มเติมแล้วว่า ทำเธอถึงเป็น 1 สาวในโปรเจ็ค Girl Boss ของเรา
งานปาร์ตี้ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้วในงานปาร์ตี้ของบริษัท ซึ่งเป็นงานเดียวกันที่ทำให้เธอพบกับจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต คุณพลอยประสบอุบัติเหตุจากการที่ชายกระโปรงไปโดนกับเทียนที่เอาไว้ตกแต่งในงาน เปลวไฟลุกลามอย่างรวดเร็วไปตามผ้า หมอที่ทำการรักษาประเมินว่าเธอโดนไฟไหม้มากถึง 40% ของร่างกาย
“ตอนนั้นทำอะไรแทบไม่ได้เลย นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล 6 เดือนครึ่ง เป็น 6 เดือนครึ่งที่ขยับเขยื้อนแทบไม่ได้ เวลาคนที่บ้านมาเยี่ยมก็ต้องคุยกันผ่านโทรศัพท์แล้วมองหน้ากันผ่านกระจก เพราะเราต้องอยู่ในห้องแยกให้ปลอดเชื้อ ยิ่งเวลาพยาบาลมาล้างแผลยิ่งทรมานเข้าไปใหญ่ เพราะแผลมันเจ็บ แล้วเรารู้สึกตัวหมดทุกอย่าง
แต่ในทุกเรื่องร้ายๆ มันมักจะมีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่ในนั้นเสมอ มันทำให้เราได้เห็นว่าเราโชคดีมากแค่ไหนที่มีครอบครัวที่ดีขนาดนี้ ถึงจะเข้ามาเยี่ยมแบบแตะตัวกันไม่ได้ แต่พวกเค้าก็ให้กำลังใจเราจากด้านนอกกระจกอยู่ทุกวัน
อย่างตอนที่ล้างแผล คนที่บ้านก็มาเชียร์กันสุดฤทธิ์ ยิ่งได้เห็นภาพของเตียงข้างๆ ที่เป็นหนักกว่าเรา บางคนโดนสามีราดน้ำมันแล้วจุดไฟเผาแต่ไม่มีคนมาเยี่ยม มันก็เลยทำให้รู้สึกว่าเรายังโชคดีมาก ที่มีคนคอยซัพพอร์ทอยู่ตลอดเวลา กลายเป็นว่าสิ่งที่เราโดนมันน้อยนิดเมื่อเทียบกับคนข้างๆ เพราะฉะนั้นเราต้องสู้ให้ไหว”
คนที่เจ็บว่ายากแล้ว แต่ครอบครัวของคนที่เจ็บนี่สิยากยิ่งกว่า
ในมุมของคนที่อยู่นอกห้องกระจกอย่างคุณแพร นริศรา หงสกุล น้องสาวของคุณพลอยซึ่งเป็นทั้งคนที่ร่วมก่อร่างสร้างวัวนู้ดและกำลังใจคนสำคัญที่ทำให้คุณพลอยผ่านช่วงเวลาร้าย ๆ ไปได้ เล่าให้เราฟังว่า
“ตอนนั้นแพรตัดสินใจลาออกจากงาน ทิ้งทุกอย่างแล้วเอาเวลามาอยู่เป็นเพื่อนเค้าเลย คือมันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับบ้านเรา ที่ต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้
เวลาหมอจะตัดสินใจทำการรักษาอะไรก็จะต้องมาบอกญาติก่อน และถึงเราจะคุยกับพี่พลอยอย่างมีความสุข ทำให้เค้ารู้สึกไม่เครียด เอนเตอร์เทนต์เค้าอยู่นอกกระจก
แต่จริงๆ แล้วที่นอกกระจกมันกลับเต็มไปด้วยความเครียด ว่าเราจะบอกพี่พลอยยังไงดี เพราะตัวเค้าเองกว่าจะผ่านความทรมานในแต่ละวันไปได้ มันก็เป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก ๆ แล้ว
อย่างมีตอนนึงที่เนื้อไม่พอ หมอต้องทำ skin graft ตัดเนื้อจากหนังศรีษะไปแปะทับกับเนื้อที่เป็นแผลไฟไหม้ แล้วคือตอนนั้นมันต้องโกนผม ซึ่งเค้าเป็นสาวสวยที่สุดในบ้านแต่ต้องมาโกนผม มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยกว่าเราจะกล้าตัดสินใจบอกเค้าไป
เราให้กำลังใจเค้าแทบจะทุกอย่างที่ทำได้ อย่างตอนปกติเราก็จะชอบจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ ในบ้านกันอยู่แล้ว พอพี่พลอยมาอยู่โรงพยาบาล เราก็เลยยกปาร์ตี้มาไว้ที่นี่เลย ใส่หมวก มีธีม ทำให้เค้า Enjoy แล้วก็ยังทำให้คนอื่นที่อยู่ใน Burn Unit. Enjoy ตามไปด้วย
จนเมื่อถึงเวลาที่หมออนุญาตให้เราได้โดนตัวกันได้ ในตอนนั้นมันเป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นมากๆ จริงๆ”
อยู่ในโรงพยาบาลคือความเจ็บทางกาย ออกมานอกโรงพยาบาลคือความเจ็บทางใจ ที่ไม่เหมือนเดิม
คิดง่ายๆ ว่าแค่เป็นสิว ผู้หญิงหลายคนก็ยังไม่มั่นใจเวลาเดินออกจากบ้าน แล้วจะนับประสาอะไรกับผู้หญิงที่โดนเปลวไฟทำร้ายมากถึง 40% ของร่างกาย
คุณพลอยบอกกับเราว่าช่วงออกมาจากโรงพยาบาลมาใหม่ๆ เธอรู้สึกหดหู่มาก ทั้งจากร่องรอยของบาดแผล และจากการที่ต้องอยู่แค่ในบ้าน เหมือนตอนนั้นชีวิตมันไม่มีเป้าหมาย ต้องมาฝึกเดินใหม่ เริ่มทำอะไรใหม่อีกหลายๆ อย่าง
ยังดีที่เธอเริ่มเบี่ยงเบนความสนใจจากความโศกเศร้าไปหาอะไรที่สร้างสรรค์ จากการที่ได้ดู YouTube และ Pinterest บ่อยๆ คุณพลอยจึงเริ่มมีความสนใจในการทำอาหาร และอาหารอย่างแรกที่เธอทำขายหลังจากประสบอุบัติเหตุ ก็คือคุกกี้ Decorate ที่เป็นการออกแบบคาแร็กเตอร์ต่างๆ ลงไปในตัวคุกกี้
ทำไปได้สักพักก็เริ่มมีออเดอร์เข้ามาเรื่อยๆ และก็ทำให้เธอออกมาจากช่วงเวลาที่หดหู่ตรงนั้นได้
จากคุกกี้ก็พัฒนาไปสู่ก๋วยเตี๋ยวเนื้อพรีเมี่ยม
“ช่วงเวลาตอนที่โดนไฟไหม้จู่ๆ มันก็มีความคิดนึงแว้บเข้ามาในหัว คือเราคิดถึงคนที่บ้าน เราอยากจะใช้เวลาอยู่กับพวกเค้า”
และความคิดนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณพลอยอยากจะหาอะไรทำกับที่บ้าน เพื่อที่จะได้ใช้เวลากับคนในครอบครัวให้ได้มากที่สุด
คุณพลอยและคุณแพรจึงมานั่งคิดกันว่า “แล้วเราชอบอะไรมากที่สุดล่ะ” หลังจากตั้งคำถามได้ไม่นาน ทั้งสองก็สามารถหาคำตอบออกมาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นก็คือ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ
“เราอยากทำอะไรที่พวกเราถนัดและก็คุ้นเคยกับมัน ซึ่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อน่าจะเป็นอะไรที่ใช่ที่สุดแล้ว คือที่บ้านเราชอบกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อกันมาก อย่างถ้ารู้ว่าวันนี้ที่บ้านจะทำก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ทุกคนจะดีใจ จะแบบเห้ยจิงอ่อ มันเป็นมากกว่าอาหารมื้อนึงที่แค่กินแล้วก็อิ่มไป”
หลังจากนั้นคุณแพรก็เลยไปเรียนการทำก๋วยเตี๋ยวเนื้ออย่างจริงจังจากคุณยายที่เป็นเจ้าของสูตร และก็กลายมาเป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อภายใต้แบรนด์ ‘วัวนู้ด’ ที่ทั้งสองบอกกับเราว่ามันเป็นความอร่อยที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและคุณภาพ
เพราะถ้าที่บ้านของเธอทั้งสองทำกินเองแล้วใช้วัตถุดิบที่ดียังไง ก๋วยเตี๋ยวเนื้อในร้านวัวนู้ดก็ใช้วัตถุดิบคุณภาพดีไม่ต่างกัน
คิดได้ไม่นาน 1 เดือนต่อจากนั้นก็ตัดสินใจเปิดร้านเลย
ด้วยโลเคชั่นของร้านที่อยู่ติดกับ BTS สถานีเพลินจิต ซึ่งถือเป็นทำเลที่มีราคาแพง บวกกับการทำธุรกิจในรูปแบบของร้านอาหารที่ต้องมีค่า operation มีการจัดการที่ต้องใช้การวางแผนพอสมควร จึงเป็นสิ่งที่สร้างความแปลกใจให้กับเราว่าทำไมคุณพลอยและคุณแพรถึงสามารถเซ็ทอัพร้าน ตกแต่งร้าน วางระบบการจัดการเสร็จได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือน หลังจากที่เพิ่งตัดสินได้ว่าจะเลือกขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ซึ่งถือเป็นระยะเวลาที่เร็วมาก ๆ
ทั้งสองจึงบอกกับเราว่า “เราจะแบ่งหน้าที่กันไปทำ อย่างน้องแพรก็จะทำหน้าที่นึง พลอยก็จะทำหน้าที่นึง พี่พิงค์(พี่สาวอีกคน) ก็จะทำหน้าที่นึง พอต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ภาพรวมที่ออกมามันก็เลยโอเค
ส่วนเรื่องโลเคชั่น อันนี้จะบอกว่ามันบังเอิญได้ไหม คือเจ้าของเค้าติดป้ายว่าให้เช่าตอน 9 โมง พอ 10 โมงปุ๊ปเรารีบโทรติดต่อไปทันที ถึงมันจะเป็นทำเลราคาแพง แต่เราคุ้นเคยกับย่านนี้ เพราะบ้านเราก็อยู่แถวนี้ น้องแพรก็ทำงานตรงพลาซ่าแอทธินี เลยเห็นว่ามันมี Traffic ของคนเข้ามาอยู่ตลอด โดยเฉพาะกับคนที่ทำงานออฟฟิศย่านเพลินจิต”
และแม้จะเป็นการตัดสินใจเร็ว แต่เราเชื่อว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ไม่เลว เลยทีเดียว เพราะหลังจากเปิดสาขาแรกได้เพียงปีกว่า ๆ วัวนู้ดก็สามารถทำกำไร คืนทุนในทำเลราคาแพงย่าน BTS เพลินจิตได้สำเร็จ
แถมยังขยายสาขาไปยังตึกเอ็มไพร์บริเวณสาทร ที่เต็มไปด้วยออฟฟิศและคนทำงาน ซึ่งก็ล้วนแต่อยากจะเข้ามาลิ้มลองรสชาติที่เย้ายวนของก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวนู้ด จนทำให้สาขาหลังมียอดขายที่ดีกว่าสาขาแรกซะอีก
ในระยะเวลาเกือบ 1 ชั่วโมงที่เราได้พูดคุยกับสองพี่น้อง ‘พลอยแพร’ สิ่งที่ตลบอบอวลอยู่ในตลอดของบทสนทนานั่นก็คือความรัก ที่แม้ทั้งคู่จะไม่ได้พูดคำว่ารักต่อกันให้ได้ยิน แต่เราก็สามารถสัมผัสถึงมันได้
และรักที่ว่าก็ไม่ใช่แค่ความรักของพี่น้อง แต่หมายถึงความรักของครอบครัว ๆ หนึ่ง ที่คุณพลอยบอกกับเราว่า
“ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล 6 เดือนครึ่ง เราผ่านตรงนั้นมาได้เพราะคนในครอบครัว เราอยู่ในนั้นนาน เราเลยเห็นคนที่ไปๆ มาๆ เยอะเหมือนกัน ไปที่ว่าไม่ใช่กลับบ้านนะ แต่หมายถึงไม่รอด ถ้าตอนนั้นเราไม่มีคนในครอบครัวมันคงแย่มากจริงๆ ”
ซึ่งนอกจากการเป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวนู้ดแล้ว อีกหนึ่งอาชีพที่คุณพลอยเป็นอยู่ตอนนี้คือ Burn Survivor เมื่อไหร่ที่มีโอกาสเธอจะกลับไปให้กำลังใจผู้ป่วยที่ถูกไฟไหม้ตามร่างกาย เพราะตอนที่เธออยู่ใน burn unit เมื่อมีคนที่เคยถูกไฟไหม้ที่รักษาตัวจนหายแล้วกลับมาหา มันก็ทำให้เกิดกำลังใจบางอย่าง ว่าวันนึงตัวเธอเองก็ต้องกลับมาเป็นปกติได้เหมือนกัน
ซึ่งเธอรู้ดีกว่ากำลังใจ เป็นสิ่งที่สำคัญกับคนกลุ่มนี้ขนาดไหน
และนี่แหละ ผู้หญิงในแบบฉบับของ Mo. Girl Boss
Be Girl Boss like K.Ploy click > Doctor Mo. Copenhagen SKY
Be Girl Boss like K.Prae click > Doctor Mo. London GREY