ใครที่ยังไม่คุ้นกับย่านที่ชื่อ ‘ ประดิพัทธ์ ‘ ถ้าบอกว่า มันอยู่ถัดมาจาก ‘ อารีย์ ‘ ทุกคนจะร้อง อ๋อ…อ..อออ ขึ้นมาทันที
เราเพิ่งมาเปิดร้านอยู่ย่านนี้…เลยได้มีโอกาสเดินสำรวจบริเวณนี้มากขึ้น จะบอกว่า แถวนี้เดินสนุกมาก เพราะมีซอยเล็กๆ ร้านลับๆเต็มไปหมด ร้านส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ลงสื่อบ่อยเหมือนถนนเส้นหลักเส้นอื่นๆ จึงทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จัก
ประดิพัทธ์ เป็นถนนใหญ่ที่อยู่ตรงแยกสะพานควาย มีร้านเก่าแก่เยอะมาก มีความคล้ายกับสถานี Nakano ในโตเกียว ที่รวมของวินเทจไว้มากมาย มีเสน่ห์ที่มีความเก่า และ เก๋าของตึกรามบ้านช่องแถวนี้ บวกกับความใหม่ในซอกซอย ที่เริ่มมีร้านน่านั่งมากขึ้นจากอิทธิพลของย่านอารีย์ที่ติดกัน ร้านในประดิพัทธ์ จะมีความเป็น ‘ บ้าน ‘ หรือ Homie มาก เพราะค่อนข้างมีพื้นที่มากกว่าโซนอารีย์หน่อย บางร้านก็เอาบ้านเก่ามาดัดแปลง เข้าไปแล้วรู้สึกเหมือนไปเยี่ยมบ้านเพื่อนเลย
ร้านที่เราอยากมาแนะนำ อยู่ในซอยที่คนไม่ได้ผ่านมากนัก จะรู้ก็ต่อเมื่อบังเอิญเดินผ่าน หรือมีคนมาบอกต่อ ส่วนตัวเราชอบร้านในซอยเพราะคนไม่พลุกพล่านเท่าไหร่ เป็นมุมแอบมาพักผ่อนที่ดี และที่สำคัญ เจ้าของร้านเล็กๆแบบนี้จะใส่ใจกับการทำร้าน ลงมือทำเอง มีความ boutique ในดีเทลและรู้สึกอบอุ่นในเวลาเดียวกัน
1. RAAN KENG (ร้านเข่ง)
- พิกัด : ซอยประดิพัทธ์ 14 / โทร : 022791555
Isankaya อาหารทานง่าย สไตล์ร้านเข่ง
ร้านเข่งเป็นร้านอาหารไทย-อีสาน ผสมญี่ปุ่น หรือ Isankaya เป็นอาหารทานง่าย 2 สไตล์มาฟิวชั่นกันให้ดูสนุกขึ้น โดยเจ้าของร้าน ‘ คุณเข่ง’ ได้ดัดแปลงบ้านหลังเก่าในซอยประดิพัทธ์ 14 ให้เป็นบ้านสีน้ำเงินตัดกับสวนสีเขียว ทำให้บรรยากาศมีความกันเองและสบายอย่างที่คุณเข่งตั้งใจไว้
เมื่อบ้านสีน้ำเงินแล้ว อาหารก็ต้องคุมโทนด้วย
เมนูที่เราชอบคือ ‘ตำถาด’ เพราะไม่เหมือนใคร มีข้าวเหนียว ส้มตำ แคบหมู อาหารไทย แล้วมีแซลมอนซาชิมิ หมึกวาซาบิ ฟากญี่ปุ่นมาทานแกล้ม ทานสนุกดี เมนูฟิวชั่นอื่นๆ ที่น่าสนใจจะมี คอหมูร้องไห้ใส่พริกญี่ปุ่น ไส้กรอกอีสานวาซาบิ (สด) โดยแต่ละเดือนจะมีเมนูใหม่ๆเพื่อให้ลูกค้าได้แวะเวียนมาลองทานอาหารใหม่ๆ ” พัฒนาไปเรื่อยๆ เพราะลูกค้าทุกคนที่มาคือตั้งใจมาที่ร้านจริงๆ ” คุณเข่งกล่าว
- เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เที่ยงวัน – 4 ทุ่ม
- ยกเว้นวันศุกร์ – เสาร์ ที่เปิดเที่ยงวัน – เที่ยงคืน
- หยุดวันจันทร์
- ที่จอดรถ : มี
- Wi-Fi : มี
- Lunch/Dinner Set Box : Blue Box ลองสอบถามได้
- Live Music : มี (พฤ 1 ทุ่ม – 3 ทุ่ม / ศ-ส 2 ทุ่ม – 4 ทุ่ม)
2. ร้านแผ่นเสียง
- พิกัด : ซอยประดิพัทธ์ 17 / โทร : 0818755888
ร้านแผ่นเสียงที่ใหญ่ที่สุดในไทยมาแอบอยู่ที่นี่
ขนาดคนที่อยู่แถวประดิพัทธ์หลายคนยังไม่รู้เลยว่า มีร้านแผ่นเสียงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอยู่ในย่านนี้ด้วย! เดินเล่นในซอยประดิพัทธ์ 17 เจอป้ายร้านขาวๆ เท่เชียวเขียนว่า ‘ร้านแผ่นเสียง’ และยังมีแถม….ด้านหลังของร้านแผ่นเสียงก็เป็น ‘ร้านเทป’ ถ้าไม่มีคนบอกก็ไม่รู้เลยว่ายังมีอีกร้านซ่อนอยู่
การฟังเพลงที่แตกต่างไปจากเดิม
ในร้านแผ่นเสียงจะมีโซฟาให้ทดลองฟังเสียงจากเครื่องเสียงหลักๆ 2 มุม น้องและพี่ๆที่ร้านต้อนรับเป็นอย่างดี แถมชวนฟังเพลงต่างๆด้วยเครื่องเสียงคุณภาพอลังการตามราคาที่อลังการตามไปด้วย ฟังแล้วรู้สึกราวกับฟังคอนเสิร์ต live สด ต่างจากดนตรี streaming สมัยนี้ที่โดนอัดบีบอย่างสิ้นเชิง
ศูนย์รวมเพลงบนแผ่น
ในร้านจะแบ่งเป็นโซนต่างๆตามประเภทของเพลง ไม่ว่าจะเป็น Jazz, Rock , และเพลงไทย ซึ่งพี่นกเลือกหาแผ่นเสียงมาให้ตั้งแต่ยุค 60’s ซึ่งในปัจจุบัน บางเพลงที่ได้รับความนิยมในหมู่นักฟังเพลง ยังคงถูกนำไปบันทึกลงเป็นแผ่นเสียงอยู่ ที่นี่กลายเป็นศูนย์รวมแผ่นเสียงอัลบั้มเพลงไทยที่ถูกนำมาผลิตเป็นแผ่นเสียงครั้งแรก และกลายเป็นสถานที่ที่ศิลปินมาเปิดตัวแผ่นเสียงอยู่บ่อยๆ
ดูชีวิตผ่านยุคสมัยและเสียงเพลง
เมื่อมองไปรอบๆร้านแล้วนึกถึงตอนเด็กๆ สมัยพ่อแม่ เปิดแผ่นเสียงจาก The Beatles , The Carpenter, Miles Davis พอข้ามโซนไปร้านเทปด้านหลัง ก็เขยิบขึ้นไปนึกถึงตอนเป็นวัยรุ่นฟังเพลงยุคอัลเทอร์เนทีฟของทั้งฝั่งไทยและต่างประเทศ อย่างเทปของวงที่ชอบเช่น วงพราว จากตอนนั้นเทปม้วนละ 90 บาท ตอนนี้ราคาขึ้นเป็น 700 บาทแล้วจ้าา แผ่นเสียงของพี่บอยโก และโมเดิร์นด็อก ก็เป็นสิ่งที่น่าสะสมมิใช่น้อย
ใครที่หางานอดิเรกใหม่ๆ หรือชอบฟังเพลงอยู่แล้ว อยากให้ลองแวะมาฟังเสียงที่คุ้นเคยสมัยวัยเยาว์ ที่เมื่อมาฟังอีกที มุมมอง และความสุนทรีย์ในชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป
- เวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 11 โมง – 2 ทุ่ม
- ที่จอดรถ : มี
3. Before Thirtieth Cafe
- พิกัด : ซอยพหลโยธิน 11 (ทะลุจากประดิพัทธ์ 10) / โทร : 0850442443
พี่น้องทำด้วยใจ วัยก่อน 30
ร้านใหม่ในซอยพหลโยธิน 11 ที่ทะลุได้จากประดิพัทธ์ 10 เป็นร้านสีน้ำเงินเล็กๆน่ารัก บรรยากาศเหมาะกับมานั่งทำงาน นั่งคุยงานไปจิบเค้ก จิบกาแฟไป เจ้าของเป็นกลุ่มรุ่นพี่รุ่นน้อง 5 คนจากคณะมนุษยศาสตร์ ม.เกษตร ที่มีรหัสรุ่น เป็นรุ่นที่ 28 และ 29 ทำให้เป็นที่มาของชื่อร้าน Before Thirtieth (หรือก่อน 30) อายุของเจ้าของ ณ ตอนนี้ ก็ยังไม่ถึง 30 ด้วย จึงทำให้ตีได้หลายความหมาย
ชา กาแฟ เอกลักษณ์ของร้าน
Cold Brew Tea ของที่ร้านจะเป็นชาที่สกัดด้วยน้ำเย็น 8-12 ชั่วโมง จะไม่ขม หากเป็นกาแฟจะใช้ blend สูตรของที่ร้านเลยได้มาจากโรงคั่วชื่อ สคูลคอฟฟี่ เป็นเมล็ดกาแฟ Blend ระหว่าง เอธิโอเปีย 50% เชียงใหม่ดอยช้าง 25% กาแฟน่าน 25% รสชาติที่ได้จะออกเปรี้ยวนิดๆ ตัดด้วยความเข้ม และกลิ่นดอกไม้ ผสมช็อกโกแลตเบาๆ ใครชอบกาแฟ blend ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะแบบนี้ลองแวะมาชิมได้เลย
เมนูเครื่องดื่มมีค่อนข้างหลากหลาย ให้เลือกตามสไตล์ที่ลูกค้าชอบ แถมหน้าตายังสวยงาม ถ่ายรูปขึ้นกล้องมากๆ
- Frozen Chocolate มีช็อกโกแลตคิ้วบ์ น้ำแข็งรสช็อกโกแลต เสิร์ฟพร้อมกับ ชาเขียว หรือ ช็อกโกแลตเย็น หรือ ลาเต้เย็น ท็อปด้วยไอศกรีม กึ่ง โฟรท
- Sparkling Americano อเมริกาโน่น้ำผลไม้ กาแฟเสิร์ฟกับโทนิค โซดา แอ๊ปเปิ้ล พีช น้ำส้ม ออกแนวน้ำผลไม้ มากกว่ากาแฟ
- Pink Marble เมนูใหม่ทานแทนขนมหวานได้เลย ออกนัวๆ นมๆ ช็อกโกแลต สำหรับสายหวาน
- อัญชันเลมอน Best Seller ของที่ร้านเลย มีน้ำแข็งอัญชัน พร้อมชามะนาว ทานสดชื่น
ใครอยากมานั่งแล้วครบตั้งแต่ของคาว (สไตล์ฟิวชั่น ไทยผสมตะวันตก) ยัน ของหวาน พร้อมนั่งทำงาน อ่านหนังสือ ร้านนี้เป็นอีกหนึ่งร้านที่แนะนำ
- เวลาเปิด-ปิด : จ.-ศ. 8 โมง ถึง 2 ทุ่ม / ส. & อา. 10 โมง ถึง 4 ทุ่ม
- ที่จอดรถ : จอดในซอยตรงข้ามร้าน
- Wifi : มี
4. ร้านบรรยากาศ
- พิกัด : ซอย ประดิพัทธ์ 10 / โทร :0623642466
ปากต่อปาก จนเจอเธอ บรรยากาศ
เคยมีเพื่อนบอกว่า อยู่แถวประดิพัทธ์ ลองไปกินข้าวร้าน ‘บรรยากาศ’ สิ เราก็ไม่แน่ใจ ร้านอะไร แต่ชื่อน่ารักดี พอเดินผ่านซอยประดิพัทธ์ 10 ก็เจอกับป้าย Ban-ya-kaad กับบรรยากาศร้านที่อบอุ่น ร่มรื่น น่านั่งสมชื่อ
บรรยากาศดีใน ‘บรรยากาศ’
ร้านมีแบ่งโซนเป็นเรือนกระจกที่เน้นอาหารคาวเป็นหลัก และอีกหลังหนึ่งเป็นบ้านไม้ 80 ปี ที่มีตู้เค้กและบาร์เครื่องดื่ม ด้านนี้เป็นมุมถ่ายรูปที่คนชอบถ่ายรูปน่าจะชอบ อีกโซนเป็นด้านนอกที่มีเบาะไว้นั่งพื้นข้างๆสระบัว เป็นบรรยากาศที่น่าจะชิวมากช่วงกลางคืน แต่โซนหลังนี้จะเปิดเฉพาะช่วงปลายปีเท่านั้น อีกไม่กี่เดือนแล้วแหละ ปูเสื่อรอค่ะ
เป็นร้านที่มีต้นไม้ร่มรื่นมาก เราชอบไปนั่งพักผ่อน ทานข้าว ทานขนมกับเพื่อนๆ อาหารอร่อยแบบไทยโบราณ แต่ร่วมสมัย กับบรรยากาศที่อบอุ่นเหมือนบ้านมากกว่าร้านอาหาร
ต้องมาลอง
- ยำอกอีแป้น (จะแตก!!) ยำส้มโอที่ดูไม่เหมือนยำส้มโอทั่วไป ดูแล้วเหมือน เป็นเมนูกุ้ง แทนเมนูยำ เพราะกุ้งใหญ่และเด่นมากกก ทานเหมือนพล่ากุ้ง แถมมีใบชะพลูที่ทานแกล้มแล้วแบบ เฮ้ย มันเป็นฟิวชั่นในอาหารไทยกันเองที่เข้ากันมาก ทานแล้วสดชื่นมาก มีมะกอกดำ กระเทียมดอง ทานไปทีละคำแล้วรู้สึกรสชาติต่างกันไปในทุกคำ พี่สิใช้คำว่า แก้เซ็งในแต่ละคำ
- แกงรัญจวน อาหารโบราณของไทย มีบันทึกตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ที่มีน้ำพริกกะปิ เป็นเครื่องปรุงสำคัญ หาทานได้ยากในสมัยนี้ อร่อย ทานง่าย เลือกได้ว่า จะไก่ หมู หรือเนื้อ
- หอมขจร ดอกขจรผัดวุ้นเส้นกับกะปิ และชะโอม เป็นจานโปรดของเรา เพราะวัตถุแต่ละอย่างช่างเข้ากันเหลือเกิน ดอกขจรกรุบๆระหว่างเคี้ยววุ้นเส้นไป
- เวลาเปิด-ปิด : อ.-ส. 11.30 โมง ถึง 4 ทุ่มครึ่ง / อา. 11.30 โมง ถึง 3 ทุ่ม
- ปิดวันจันทร์
- ที่จอดรถ : มี
5. Cafe Undici
- พิกัด : ซอย พหลโยธิน 11 (ทะลุจากประดิพัทธ์ 14) / โทร :02 279 6368
จิบกาแฟอิตาเลียน กับเจ้าของฝาแฝดประจำซอย 11
คาเฟ่สไตล์อิตาเลียน อบอุ่นเล็กๆจากพี่อุ้ย และพี่อุ๊ ฝาแฝดที่มีความรักในการทำกาแฟ โดยเริ่ม concept จากเมล็ดกาแฟที่ใช้มาจากอิตาลี เพราะชอบในรสเข้มของกาแฟจากประเทศนี้ ส่วนชื่อ Cafe Undici เป็นภาษาอิตาเลียน แปลว่า ’11’ มาจากที่ตั้งที่อยู่ในซอย พหลโยธิน 11 ถือว่าเป็นคาเฟ่ประจำซอย 11 ที่เจออันแรกเมื่อเข้าซอยเลย เป็นร้านสีดำแอบใต้ตึก มีอาหาร Home Made Italian food , เค้ก (ทำโดยพี่สาวของพี่อุ้ย พี่อุ๊) และเครื่องดื่มโดยเน้นกาแฟเป็นหลัก
ร้านกาแฟ Takeaway ประจำตัว
จริงๆเห็นร้านนี้มาซักพัก แต่พักหลังนี้ชอบออกไปวิ่งจอกกิ้งตามซอยประดิพัทธ์ วิ่งไป-กลับโซนอารีย์ เราจะเห็นคนซื้อกาแฟ takeaway หลายแก้วถือออกจากร้านนี้ ด้วยความสงสัยเลยลองแวะซื้อกาแฟที่ร้านนี้ ‘อร่อยดีนะ’
Home Made & Heart Made with Italian Touch
อาหารคาวจะมีลาซานญ่า พาสต้า เป็นหลัก ส่วนอาหารหวานจะเป็นวาฟเฟิล เค้ก และเครื่องดื่มร้อน และเย็น ที่ลองๆมา เราชอบลาซานญ่า Baked Ham & Egg เค้กช็อกโกแลต และ Marocchino เป็นเมนูกาแฟ Mocha + Nutella Chocolate อยากมาชิวร้านเล็กๆ เป็นส่วนตัว ร้านนี้คือ…ดี
- เวลาเปิด-ปิด : อ.-อา. 8 โมง ถึง 1 ทุ่ม
- ปิดวันจันทร์
6. Mo. Museum & Objects That Matter (Mo. Museum Shop)
- พิกัด : ซอย ประดิพัทธ์ 14 / โทร :0959895992
จาก Online สู่ Offline
ร้านสุดท้าย ขอ #ฝากร้าน ชื่อ Mo. Museum & Objects That Matter ชื่อยาวแต่จริงๆ เป็นร้านขายกระเป๋าหนังแบรนด์ชื่อสั้นๆว่า Mo. สตูดิโอออกแบบกระเป๋าและเน้นขายออนไลน์ ส่งออกต่างประเทศ ไม่ค่อยเน้นวางในห้าง ทำมาได้ประมาณปีกว่า และคิดจะมีหน้าร้านเพื่อเป็นที่ดูสินค้าและพูดคุยกับลูกค้าที่รู้จักเราบนสื่อออนไลน์ แถมเป็น showroom ให้ buyer จากต่างประเทศแวะเข้ามาได้
ทำไมถึงเป็น Museum
จึงอยากทำหน้าร้านที่มีกลิ่นอายร้านขายของในพิพิธภัณฑ์เพราะส่วนตัวชอบดู Museum Shop เมื่อเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ต่างประเทศ หน้าร้านจึงทำให้ดูมิดชิดหน่อย เปิดแค่ 2 วันต่อสัปดาห์ ไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปเดินเข้ามาดูสินค้าทุกวัน ต้องรู้จักและเข้าใจแบรนด์ระดับหนึ่งก่อน แล้วจึงมาพบกัน พูดคุยกัน
เริ่มต้นใต้บันได
ในอดีตพื้นที่ของร้าน (ตั้งอยู่ใต้บันได) เป็นบ่อปลาคาร์ฟ ซึ่งเราชอบในพื้นที่เล็กๆนี้มาก เพราะให้ความรู้สึกเหมือน Start Up ที่ส่วนใหญ่เริ่มต้นในโรงรถ เราก็มีหน้าร้านแรกที่ใต้บันได และด้วยความเป็นตึกเก่าที่มีกลิ่นอาย Postmodern ในยุค 80’s พอเข้าร้านมาจะรู้สึกเหมือนหลงยุคเข้ามา มีกลิ่นอายวินเทจ ความซ่อนแอบในพื้นที่ ในที่สุดก็ได้แปลงพื้นที่นี้ให้เป็นร้านลึกลับตามสไตล์ที่เราต้องการ
- เวลาเปิด-ปิด : พฤหัส เสาร์ & อาทิตย์ เวลา 11.00 – 19.00 น.
- จอดรถ : ริมถนนประดิพัทธ์ (9.00-16.00 วันคู่ – วันคึ่) และ ลานจอดรถ The Camping Ground
ยังมีร้านอื่นตามซอย ที่ยังเก็บไม่ครบในครั้งนี้ หากใครที่อยู่โซนประดิพัทธ์ สามารถแนะนำร้านประจำของตัวเองมาได้นะ แถวนี้มาง่ายเพราะเป็นถนนใหญ่ที่ทะลุกันระหว่าง ถนนพหลโยธิน และถนนพระราม 6 มีทางขึ้น – ลงทางด่วนอยู่ใกล้ๆ หลายจุด แถมสามารถขับรถจากซอยเล็กๆ จากฝั่งประดิพัทธ์เลขคู่ ทะลุไปย่านอารีย์ได้ภายในเวลา 5 นาที! มาลองเดินเล่นแถวนี้ดู สำหรับคนชอบความวินเทจ เห็นการเปลี่ยนแปลงในยุคสมัย รับรองว่ามาแล้ว….อยากจะมาอีกแน่นอน
Photographers :
- Nutt www.instagram.com/NuttNutty
- Ro www.instagram.com/rolinlovelife
- Bas www.instagram.com/icebasz