ก่อนจะเอา Doctor Mo. ออกมาวางขาย รสก็แอบคิดอยู่เหมือนกัน ว่าจะมีคนยอมจ่ายเงินหลักพันเพื่อแลกกับกระเป๋าเรียบๆ ที่ไม่มีลวดลายอะไรเลยหรือเปล่า
แต่ Feedback ที่ได้กลับมา มันดีกว่าที่คิดไว้เยอะมาก ยอดสั่งจอง Doctor Mo. รอบ Early Bird เต็มภายในสองวัน และยังมีคนเห็นคุณค่าในสิ่งที่รสทำ เพราะตอนแรกคิดว่าที่ยอดสั่งจองเต็มเร็วกว่าที่คาดไว้เป็นเพราะลดราคาแน่ๆ แต่พอกลับมาขายราคาปกติก็ยังมีคนมาติดต่อขอซื้ออยู่ทุกวัน
ขอบคุณมากเลยนะคะ : )
คนรอบตัวหลายๆ คนก็เลยบอกว่า รสโชคดีจัง แค่ทำกระเป๋าเรียบๆ ไม่ต้องออกแบบลวดลายอะไรให้วุ่นวาย แต่ก็ยังขายได้อยู่เรื่อย ๆ
รสอยากจะบอกว่า เบื้องหลังของความเรียบง่ายที่ทุกคนได้เห็นกันนี้ มันเป็นอะไรที่ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดกันเลยค่ะ
เพราะรสใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่นานในการปรับหนัง, ปรับวัสดุ, ปรับดีไซน์ กว่าจะมั่นใจว่าคุณภาพของมันอยู่ในระดับที่สามารถเอาออกมาขายได้ ก็กินเวลาไปกว่าครึ่งปี
หลังจากที่ทำ Crowdfunding ระดมทุน 800,000 บาท เพื่อเอาเงินมาทำกระเป๋าตังค์ Mo.80 ในตอนแรกได้ครบตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ระหว่างนั้นรสก็เกิดไอเดียอยากจะเพิ่มไลน์สินค้า จนกระทั่งได้บังเอิญไปเจอกับกระเป๋าทรง Doctor Bag ที่สถาบันสอนทำกระเป๋าหนังของชาวญี่ปุ่นที่รสเรียนอยู่
รสเห็นว่ากระเป๋าทรง Doctor Bag มันโดดเด่นมากในเรื่องของ Functional เพราะ Doctor Bag เป็นทรงกระเป๋าที่ถูกผลิตมาเพื่อการใช้งานที่ง่าย ทำให้คุณหมอหยิบอุปกรณ์ขึ้นมารักษาคนไข้ได้อย่างทันท่วงที แถมยังมีดีไซน์ที่คลาสสิค จนเป็นกระเป๋าที่กลายเป็น Iconic ในยุค 90’
แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือ Doctor Bag ถูกทำมาจากวัสดุอย่าง ‘หนังฟอกฝาด’ ซึ่งนอกจากจะทำให้น้ำหนักของกระเป๋าเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็นแล้ว ความรู้สึกในการใช้งานก็เป็นอะไรที่ดูแข็งกระด้างตามไปด้วย
เพราะถึง Doctor Bag จะมีคุณสมบัติในการใช้งานที่ดี แต่สินค้าแฟชั่นจะเป็นอะไรที่มีแต่เรื่องของ Functional ไม่ได้ รสเลยใส่ Emotional เข้าไป ด้วยการหาวัสดุอื่นมาใช้แทนหนังฟอกฝาด
ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ ทิ้งของไปหลายสิบรอบ จนกระทั่งได้มาเจอกับวัสดุอย่าง ‘หนังวัวนิ่ม’ ซึ่งรสว่าเนี่ยแหละ คือความลงตัวของ Functional และ Emotional
เพราะในด้าน Funtional หนังวัวนิ่มจะทำให้กระเป๋าดูเป็นทรง ไม่แข็งจนเกินไป เหมาะกับการหยิบจับหรือหาของข้างในที่ทำได้ง่ายขึ้น
ส่วนในด้านของ Emotional เมื่อใช้ไปนานๆ Texture ของหนังวัวนิ่มก็นุ่มและมีสัมผัสดีขึ้นเรื่อย ๆ แถมลวดลายของหนังก็จะค่อยๆ สวยขึ้นตามธรรมชาติ เหมือนกับยีนส์คุณภาพดี ที่ยิ่งใช้เยอะเท่าไหร่ เฟดของยีนส์ก็จะสวยมากขึ้นเท่านั้น
ได้แบบกระเป๋าตามที่ต้องการแล้วก็ไม่ใช่ว่าเรื่องจะจบ เพราะกว่าจะหา Supplier ที่ผลิตกระเป๋าจำนวนหลาย ๆ ใบแต่ทำให้มีคุณภาพเหมือนกับตัว Prototype ทุกใบก็ไม่ใช่เรื่องง่าย รสต้องเปลี่ยน Supplier ไปกว่า 3-4 เจ้า จนกระทั่งได้มาเจอกับเจ้าปัจจุบัน ที่แม้จะผลิตได้ตามคุณภาพตามที่ต้องการทุกอย่าง
แต่ก็ต้องแลกมาด้วยต้นทุนที่แพงกว่า Supplier เจ้าอื่นๆ หลายเท่าตัว #กระอักเลือด
เพราะผลลัพธ์ที่เรียบง่าย มันไม่ได้มาง่ายๆ แบบที่หลายคนคิด
และความหมายที่ซ่อนอยู่ใน Doctor Mo. ก็คือความตั้งใจ,ความใส่ใจ ที่อยากจะส่งความเรียบง่ายแบบ Tailor-Made จากใจของรส <3 ให้กับทุกคนจริงๆ ค่ะ : )